Skip to content

air

  • Home
  • ล้างแอร์
  • Blog
  • PR NEWS
  • EVENT GUIDELINES
  • Lifestyle
    • Life at Home
  • Pets
0

air

BTU แอร์

BTU แอร์ เลือกผิดชีวิตเปลี่ยน ทั้งร้อน ทั้งเปลืองไฟ!

Posted on สิงหาคม 7, 2025สิงหาคม 7, 2025 By tum

BTU แอร์ เรื่องแรกที่ต้องรู้ก่อนซื้อแอร์ เลือกผิดชีวิตเปลี่ยน ทั้งร้อน ทั้งเปลืองไฟ! ในวันที่อากาศร้อนจนแทบละลาย การตัดสินใจซื้อเครื่องปรับอากาศสักเครื่องดูจะเป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน แต่หลายคนมักจะตัดสินใจซื้อแอร์โดยดูแค่ดีไซน์, ฟังก์ชันพิเศษ, หรือราคาโปรโมชั่น โดยละเลยสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง นั่นคือ BTU (British Thermal Unit) ซึ่งเป็นหน่วยวัดความสามารถในการทำความเย็นของแอร์

เชื่อหรือไม่ว่า การเลือก BTU ที่เหมาะสมกับขนาดห้องนั้นสำคัญยิ่งกว่าเรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะถ้าเลือก BTU ผิดชีวิตเปลี่ยนได้จริง ๆ ทั้งแอร์ไม่เย็นฉ่ำอย่างที่หวัง, ค่าไฟพุ่งกระฉูด, หรือที่แย่ที่สุดคือทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักเกินไปจนแอร์พังก่อนเวลาอันควร บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงความสำคัญของ BTU และวิธีคำนวณแบบง่าย ๆ เพื่อให้คุณสามารถเลือกซื้อแอร์ที่ใช่และคุ้มค่าที่สุดสำหรับบ้านของคุณ

BTU คืออะไร? ทำไมถึงเป็นเรื่องแรกที่ต้องรู้?

BTU ย่อมาจาก British Thermal Unit ซึ่งหมายถึง ปริมาณความร้อนที่ใช้ในการทำให้น้ำหนัก 1 ปอนด์มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1 องศาฟาเรนไฮต์ ในทางกลับกัน สำหรับเครื่องปรับอากาศแล้ว BTU คือ หน่วยที่ใช้บอกความสามารถในการดึงความร้อนออกจากห้อง หรือพูดง่าย ๆ คือ ความสามารถในการทำความเย็นของแอร์นั่นเอง

ค่า BTU ของแอร์ยิ่งสูง ก็จะยิ่งมีกำลังในการทำความเย็นได้มาก ดังนั้นหากห้องของคุณมีขนาดใหญ่ ก็ต้องใช้แอร์ที่มีค่า BTU สูงตามไปด้วย แต่ถ้าห้องเล็ก ก็ควรใช้แอร์ที่มีค่า BTU ต่ำลงมา เพื่อให้เหมาะสมกับขนาดพื้นที่

การเลือก BTU ให้เหมาะสมจึงเป็นเรื่องแรกที่ต้องพิจารณา เพราะมันคือจุดเริ่มต้นที่จะทำให้แอร์ของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานมากที่สุด

ภัยร้ายที่เกิดจากการเลือก BTU ผิด!

หลายคนอาจจะคิดว่า “ถ้าเลือก BTU เยอะไว้ก่อนก็น่าจะดี เพราะยังไงแอร์ก็เย็นฉ่ำแน่นอน” แต่ในความเป็นจริงแล้วการเลือก BTU ที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะมากไปหรือน้อยไป ล้วนแต่ส่งผลเสียตามมาทั้งสิ้น

ถ้าเลือก BTU “น้อยเกินไป”

เมื่อแอร์มีกำลังทำความเย็นไม่เพียงพอต่อขนาดห้อง แอร์ก็จะทำงานตลอดเวลาโดยไม่มีการตัดการทำงานของคอมเพรสเซอร์ (คอมเพรสเซอร์คือหัวใจของแอร์ที่ทำหน้าที่สร้างความเย็น) เพราะมันต้องพยายามทำความเย็นให้ได้ตามอุณหภูมิที่เราตั้งไว้ ซึ่งผลที่ตามมาคือ

  • แอร์ไม่เย็นฉ่ำ: เพราะกำลังทำความเย็นไม่พอ
  • เปลืองไฟมหาศาล: เพราะคอมเพรสเซอร์ทำงานไม่หยุด
  • แอร์พังง่าย: เพราะคอมเพรสเซอร์ทำงานหนักเกินกำลัง ทำให้เสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็น

ถ้าเลือก BTU “มากเกินไป”

ในทางกลับกัน การเลือกแอร์ที่มี BTU สูงเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดีเช่นกัน เพราะแอร์จะทำความเย็นจนถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้คอมเพรสเซอร์ตัดการทำงานบ่อยเกินไป และเมื่อคอมเพรสเซอร์ตัดบ่อยๆ ก็จะเกิดผลเสียตามมาคือ

  • ความชื้นในห้องสูง: เพราะแอร์ตัดการทำงานเร็วเกินไป ทำให้ไม่มีเวลาพอที่จะดูดความชื้นออกจากห้อง
  • อุณหภูมิแกว่ง: อุณหภูมิในห้องจะเย็นเร็วไปและกลับมาอุ่นเร็วไป ทำให้แอร์ต้องทำงานและตัดการทำงานอยู่ตลอดเวลา
  • เปลืองไฟ: แม้จะดูเหมือนทำงานน้อย แต่การที่คอมเพรสเซอร์ต้องสตาร์ทเครื่องบ่อยๆ ในแต่ละรอบการทำงานกลับกินไฟมากกว่าการทำงานแบบต่อเนื่องในรอบที่เหมาะสม

จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเลือก BTU ผิดทางไหนก็ล้วนแต่ส่งผลเสียทั้งสิ้น ดังนั้นการคำนวณ BTU ที่เหมาะสมกับขนาดห้องจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่คุณต้องรู้

วิธีคำนวณ BTU แบบง่าย ๆ ด้วยตัวเอง

การคำนวณ BTU ที่เหมาะสมกับห้องของคุณนั้นไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด เพียงแค่ต้องคำนึงถึงปัจจัยสำคัญต่างๆ ที่ส่งผลต่อภาระการทำความเย็นของแอร์ ซึ่งมีสูตรการคำนวณง่าย ๆ ดังนี้

สูตร: (พื้นที่ห้องเป็นตารางเมตร) x (ค่าตัวแปร) = BTU ที่เหมาะสม

ขั้นตอนที่ 1: วัดขนาดพื้นที่ห้อง

  • ห้องสี่เหลี่ยม: ให้วัดความกว้าง (เมตร) และความยาว (เมตร) แล้วนำมาคูณกัน (กว้าง x ยาว = ตารางเมตร)
  • ห้องที่ไม่เป็นสี่เหลี่ยม: ให้แบ่งห้องออกเป็นส่วนย่อยๆ ที่เป็นสี่เหลี่ยม แล้วคำนวณพื้นที่ของแต่ละส่วน จากนั้นนำมารวมกัน

ขั้นตอนที่ 2: เลือกค่าตัวแปรให้เหมาะสม

ค่าตัวแปรนี้คือค่าที่เราจะนำมาคูณกับพื้นที่ห้อง ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามลักษณะการใช้งานของห้องนั้น ๆ

ลักษณะของห้องค่าตัวแปร (BTU ต่อ ตร.ม.)
ห้องนอนทั่วไป700 – 800 BTU
ห้องนอนที่โดนแดดช่วงบ่าย800 – 900 BTU
ห้องทำงาน, ห้องนั่งเล่นที่โดนแดดไม่มาก800 – 900 BTU
ห้องทำงาน, ห้องนั่งเล่นที่โดนแดดมาก900 – 1,000 BTU
ร้านอาหาร, ร้านค้า, ห้องประชุม900 – 1,000 BTU (ต่อ 1 คน)
ห้องที่มีเพดานสูงกว่า 3 เมตร1,000 – 1,200 BTU

ตัวอย่างการคำนวณ:

สมมติว่าคุณมีห้องนอนขนาด กว้าง 4 เมตร x ยาว 5 เมตร ห้องนี้มีพื้นที่เท่ากับ 20 ตารางเมตร (4 x 5 = 20) และห้องนี้เป็นห้องนอนปกติที่โดนแดดไม่มาก เราจะใช้ค่าตัวแปรประมาณ 800

  • การคำนวณ: 20 ตารางเมตร x 800 = 16,000 BTU

ดังนั้นคุณควรเลือกซื้อแอร์ที่มีค่า BTU ประมาณ 16,000 BTU หรือเลือกแอร์ขนาด 18,000 BTU เพื่อเผื่อการทำงานในวันที่อากาศร้อนจัด

ปัจจัยเพิ่มเติมที่ต้องพิจารณา

นอกเหนือจากขนาดห้องแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อภาระการทำความเย็นของแอร์ที่คุณต้องนำมาคิดด้วย เพื่อให้ได้ค่า BTU ที่แม่นยำที่สุด

  • ทิศทางของห้อง: ห้องที่โดนแดดโดยตรงในช่วงบ่ายจะร้อนกว่าห้องที่หันไปทางทิศอื่น
  • วัสดุของผนังและหลังคา: ผนังและหลังคาที่เก็บความร้อนได้ดีจะทำให้ห้องร้อนกว่า
  • จำนวนคนในห้อง: ในห้องที่มีคนอยู่เยอะ ความร้อนก็จะถูกปล่อยออกมาเยอะกว่า
  • เครื่องใช้ไฟฟ้า: คอมพิวเตอร์, ทีวี, หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ที่ปล่อยความร้อนออกมา
  • จำนวนและขนาดของหน้าต่าง: ห้องที่มีหน้าต่างเยอะจะรับความร้อนจากภายนอกได้มากกว่า

หากห้องของคุณมีปัจจัยเหล่านี้เยอะกว่าปกติ ก็ควรเลือก BTU ที่สูงขึ้นจากค่าที่คำนวณได้เล็กน้อย เพื่อให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ตารางเปรียบเทียบ BTU แอร์มาตรฐาน

เพื่อให้คุณเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น ลองดูตาราง BTU แอร์มาตรฐานที่มีวางจำหน่ายในท้องตลาด ซึ่งคุณสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการเลือกซื้อได้ง่าย ๆ

ขนาด BTU แอร์พื้นที่ห้อง (ประมาณ)เหมาะสำหรับ
9,000 BTU9 – 14 ตร.ม.ห้องนอนขนาดเล็ก, ห้องทำงาน
12,000 BTU15 – 20 ตร.ม.ห้องนอนขนาดกลาง, ห้องนั่งเล่นเล็ก
18,000 BTU21 – 28 ตร.ม.ห้องนอนใหญ่, ห้องนั่งเล่น, ร้านค้าขนาดเล็ก
24,000 BTU29 – 36 ตร.ม.ห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่, ห้องประชุม
36,000 BTU37 – 50 ตร.ม.ร้านค้า, ออฟฟิศ, ห้องโถงขนาดใหญ่
ส่งออกไปยังชีต

ข้อควรจำ: ตารางนี้เป็นเพียงค่าประมาณเท่านั้น การคำนวณจากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นจะให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุดสำหรับห้องของคุณ

สรุป: เลือก BTU ให้ถูก คุ้มค่าทั้งเงินและสุขภาพ

การเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ BTU แอร์ไม่ใช่แค่ตัวเลขที่เขียนไว้บนกล่อง แต่คือหัวใจสำคัญที่จะตัดสินว่าแอร์ของคุณจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ, ประหยัดพลังงาน, และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานหรือไม่

การเลือก BTU ที่ถูกต้องและเหมาะสมกับขนาดห้องและปัจจัยต่างๆ จะช่วยให้คุณประหยัดค่าไฟได้จริงในระยะยาว เพราะแอร์ไม่ต้องทำงานหนักเกินไป และยังช่วยให้คุณได้สัมผัสกับอากาศที่เย็นสบายและบริสุทธิ์อย่างแท้จริง

ดังนั้นก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อแอร์เครื่องใหม่ อย่าลืมที่จะหยิบตลับเมตรมาวัดขนาดห้อง และคำนวณ BTU ที่เหมาะสมด้วยตัวเองดูนะครับ การใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในวันนี้ จะช่วยให้คุณไม่ต้องมานั่งเสียใจกับปัญหาแอร์ไม่เย็นและบิลค่าไฟที่พุ่งกระฉูดในวันหน้าอย่างแน่นอน

สนใจติดต่อ ล้างแอร์ https://lin.ee/YDoymRa

Jepataa.com

Blog ความรู้ช่าง BTU แอร์

แนะแนวเรื่อง

Previous post
Next post

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

©2025 | WordPress Theme by SuperbThemes